เคยคิดไหมว่า เพราะอะไรพวกเราไม่มีช่องทางเสมือนคนอื่นๆ? หรือ ที่เขากล่าวว่า ทุกคนล้วนเคยได้โอกาส.. แล้วที่ว่า จังหวะมนุษย์เรามีเท่าๆกัน มันจริงหรอ? บ้างก็ว่า จังหวะนั้นสร้างได้ แล้วไหนล่ะทำมาตั้งนาน? พวกเรามาไขข้อสงสัยหัวข้อนี้ในมุมมองหนึ่ง หรือแปลงทัศนคติต่อคำว่า “จังหวะ” กันมองกับเนื้อหา[ เครดิตฟรี]นี้ที่บางครั้งบางคราวอ่านจบแล้วคุณจะ “ได้โอกาส” ขึ้นมาบ้างก็เป็นไปได้… จากปริศนาข้างต้นอาจจะตอบก่อนได้เลยว่า พวกเราได้โอกาสเสมือนคนอื่นๆ เนื่องจากว่าพวกเราทุกคนล้วนเคยได้โอกาส ส่วนช่องทางมีเสมอกันไหมนั้น คงจะวัดกันยาก เพราะว่าจังหวะมนุษย์เราไม่เหมือนกัน (อยากได้ไม่เหมือนกัน) รวมทั้งพวกเราสามารถสร้างจังหวะได้! เพียงที่พวกเรายังสงสัยไหมมั่นอกมั่นใจด้วยเหตุว่าขาด “อุปกรณ์ช่วย” บางสิ่ง… ประการแรกการที่มนุษย์เรามีความคิดว่าตนเองไม่มีช่องทาง เพียงแต่เพราะเหตุว่าไม่เห็นมัน.. ซึ่งการที่ไม่เห็น ก็เนื่องจากว่ามนุษย์เรามองดูบางอย่างต่างกัน ไหมเสมอกัน… ดังเช่นว่า ในภาวการณ์วิกฤตบางบุคคลเห็นจังหวะได้ ก็เลย ‘เดินหน้า’ ไขว่คว้า แม้กระนั้นบางบุคคลเห็นแม้กระนั้นหายนะ…
Tag: ทัศนคติ
เคยคิดไหมว่า เพราะอะไรพวกเราไม่มีช่องทางเสมือนคนอื่นๆ? หรือ ที่เขากล่าวว่า ทุกคนล้วนเคยได้โอกาส.. แล้วที่ว่า จังหวะมนุษย์เรามีเท่าๆกัน มันจริงหรอ? บ้างก็ว่า จังหวะนั้นสร้างได้ แล้วไหนล่ะทำมาตั้งนาน? พวกเรามาไขข้อสงสัยหัวข้อนี้ในมุมมองหนึ่ง หรือแปลงทัศนคติต่อคำว่า “จังหวะ” กันมองกับเนื้อหานี้ที่บางครั้งบางคราว[ เครดิตฟรี]อ่านจบแล้วคุณจะ “ได้โอกาส” ขึ้นมาบ้างก็เป็นไปได้… จากปริศนาข้างต้นอาจจะตอบก่อนได้เลยว่า พวกเราได้โอกาสเสมือนคนอื่นๆ เนื่องจากว่าพวกเราทุกคนล้วนเคยได้โอกาส ส่วนช่องทางมีเสมอกันไหมนั้น คงจะวัดกันยาก เพราะว่าจังหวะมนุษย์เราไม่เหมือนกัน (อยากได้ไม่เหมือนกัน) รวมทั้งพวกเราสามารถสร้างจังหวะได้! เพียงที่พวกเรายังสงสัยไหมมั่นอกมั่นใจด้วยเหตุว่าขาด “อุปกรณ์ช่วย” บางสิ่ง… ประการแรกการที่มนุษย์เรามีความคิดว่าตนเองไม่มีช่องทาง เพียงแต่เพราะเหตุว่าไม่เห็นมัน.. ซึ่งการที่ไม่เห็น ก็เนื่องจากว่ามนุษย์เรามองดูบางอย่างต่างกัน ไหมเสมอกัน… ดังเช่นว่า ในภาวการณ์วิกฤตบางบุคคลเห็นจังหวะได้ ก็เลย ‘เดินหน้า’ ไขว่คว้า แม้กระนั้นบางบุคคลเห็นแม้กระนั้นหายนะ…
บทความพิเศษช่วงนี้ คาดว่าจะชอบธรรมเนียมของทุกปีที่จะพรีเซ็นท์ 10 ชั้นบทความดีๆที่มีผู้ชมเข้ามาเปิดอ่านสูงที่สุดรายปี 2563* จากข้อมูลสถิติบนเว็บ Sirichaiwatt โดยในความเป็นจริงแล้วมีหน้ารวมคำคมที่ทำชั้นก้าวหน้ามากมายอยู่ด้วย แต่ว่าพวกเราขอตัดทิ้งไป จะมองยอดผู้ชมเฉพาะหน้าที่เป็นบทความแค่นั้นครับผม 10 ชั้นบทความดีๆ(รวมทุกจำพวก)สามารถคลิ๊กที่ชื่อบทความเพื่อเข้าไปอ่านได้เลยนะครับ กรณีศึกษา : ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ (Brand) ว่าอะไรดี?บทความที่อยู่ในพวกบทความธุรกิจเนื้อหานี้ [เครดิตฟรี]มีผู้ชมเข้าชมโดยตลอด สะท้อนให้มีความเห็นว่าพวกเราทำผลิตภัณฑ์แล้วก็สินค้าออกใหม่กันมาก ผู้คนจำนวนมากต้องการมีแบรนด์ มีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง เนื้อหานี้ก็เลยมีผู้คนสนใจกันมากมาย เร็วนี้คงเขียนเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างเอาจริงเอาจังอีกรอบ ถุงก๊อบแก๊บ เลิกใช้ถุง.. เพื่อใครกันแน่?บทความพวก เรื่องราวเล่าสู่ ที่เขียนไว้ท้ายปีก่อนตามเหตุการณ์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเริ่มจะมีกระแสเกี่ยวกับการยกเลิกใช้ถุงก๊อบแก๊บ บนแง่คิดรวมทั้งข้อคิดเห็นบางประการให้ลองนึกภาพกัน “ความรัก” เป็นอย่างไร?เป็นบทความแรกของพวก บทความความรัก ที่เพิ่งจะเริ่มเขียนในปีนี้[สล็อต] ก็เลยบางทีอาจยังไม่ค่อยมีบทความมากเท่าไรนัก แม้กระนั้นก็นับได้ว่าเป็นที่พึงพอใจรวมทั้งมีผู้ชมอ่านกันมากมาย จนกระทั่งทำให้เนื้อหานี้ติดอันดับแซงบทความอื่นเก่าๆได้อย่างง่ายดายเลย Monopoly เกมส์คนมั่งมี…
หัวข้อนี้เล่าสู่กันฟัง ที่ธรรมดาจะเขียนแล้วก็โพสต์ตอนปลายปีเปรียบเสมือนเป็นสมุดบันทึกของตนเอง แต่ว่าปีนี้มีเรื่องมีราวจัดลำดับบทความมาแทน ที่คงจะดีและก็มีคุณประโยชน์ต่อคนอ่านมากยิ่งกว่านั่นเอง จากที่แนะบ่อยๆว่าพวกเราควรต้องมีเป้าหมายในชีวิต ซึ่งบางครั้งบางคราวเวลาพวกเราเอ๋ยถึงจุดมุ่งหมายชีวิต คนถูกใจคิดไปในรูปภาพทำนองว่า จำต้องยิ่งใหญ่ตระการตา แท้จริงก็เคยเขียนไปแล้วในบทความชื่อว่า จุดหมาย ไม่จำเป็นเท่าการวางเป้าหมาย เพราะว่าวัตถุประสงค์จะใหญ่ไหม ไม่มีความจำเป็น [ เครดิตฟรี]มันจะต้องมีแนวทางดำเนินงาน หรือแนวทางลงมือกระทำด้วย กลุ่มนี้จะก่อให้พวกเราทราบดีว่าวันแล้ววันเล่านั้นมีค่าสื่อความหมายอะไร รวมทั้งมันสามารถนำความสำราญมาให้พวกเราได้แบบที่ผู้คนจำนวนมากยากจะเข้าดวงใจ… แต่อะไรที่ว่าดีถ้าตนเองไม่ทำ มันก็แค่นั้น ในประเด็นการวางเป้าหมายผมใช้ OKRs* มาเป็นวัสดุ ที่วันนี้จะเอามาเล่าสู่กันฟังว่าปีที่ล่วงเลยไป ปีที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งนักสำหรับหลายๆคนนั้น สำหรับผมมันเป็นยังไง(*OKRs เป็นกรอบการทำงานที่มีต้นแบบการวางแผนแล้วก็ประเมินผลแบบหนึ่ง) ในปี 2563 หรือ คริสต์ศักราช 2020 ผมกำหนดเป้าหมาย (Objective) ไว้ 4 เรื่อง ที่แอบหวังว่าคงจะพอใช้ได้คุณประโยชน์ในปีนี้ (2564) ให้กับบางบุคคล…
เกี่ยวกับการควบคุมของกินแบบ IF (Intermittent Fasting) บ้างก็เรียกกันย่อๆว่า Fasting ที่ก่อนหน้าที่ผ่านมาเคยเขียนเนื้อหาบทความเรื่อง “ผมไม่ทำ IF อีกด้านของการมองหัวข้อนี้” โดยรวมในเวลานั้นเป็น (ส่วนตัว) มองไม่เห็นสิ่งที่จำเป็นจำต้องทำ เหตุเพราะ ดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย การกิน รวมทั้งบริหารร่างกายอยู่แล้ว แล้วเพราะอะไรกลับใจ?ด้วยความบังเอิญ ได้อ่านหนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งร่างกายแข็งแรง” โดย นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo) ที่มิได้เขียนเรื่อง IF ตรงๆแม้กระนั้นแนวความคิดของแพทย์[ เครดิตฟรี]มีความเชื่อมโยงคล้ายคลึงกัน ถัดมาก็ยังได้อ่านบทความเกี่บวกับ นักวิทยาศาสตร์คนญี่ปุ่น อำเภอโยะชิโนะริ โอซูมิ (Yoshinori Ohsumi) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขากายวิภาคศาสตร์หรือแพทยศาสตร์ (the Nobel Prize in…
“หากบอกลอยๆขึ้นมาว่า “พวกเราควรจะขอบคุณมากให้น้อย..” อาจจะบางทีอาจสงสัยว่า แท้จริงจำต้องควรจะขอบคุณมากให้มากมายๆไม่ใช่หรอ? และก็กับประโยคที่ว่า “ยกโทษมากยิ่งกว่า” เป็นอะไร ยกโทษเรื่องเดียวยังยากเลย มันก็ชักชวนให้อ่านแล้วสงสัย เพราะว่าส่วนหนึ่งส่วนใดมันคือเรื่องของภาษา ที่เจตนาเขียนให้คิดไปต่างๆกัน เนื้อหานี้มีสาเหตุมาจากแง่คิดหนึ่ง ที่คิดได้สำหรับการตระเตรียมรายละเอียดเพื่อใช้ชี้แจง (อีกแล้ว) หลักสูตรอบรมหัวหน้างาน[ เครดิตฟรี] ที่ในหลายๆหลักสูตรของผมจะเป็น Soft skills อันคือความสามารถที่จำนวนมากสามารถใช้ได้ทั่วๆไปในชีวิตประจำวันด้วย ต่อนี้ไปยิ่งเกิดเรื่องใกล้ตัวมากแค่ไหน เสมือนจะกล่าวง่าย แต่ว่ามันไม่ง่ายเลยที่มนุษย์เราจะใส่ใจทราบ รวมทั้งเอาไปปฏิบัติ ต้องขอบคุณมากให้น้อยการขอบคุณมากไม่ว่าจะรู้สึกขอบคุณมาก หรือเพียงแค่กล่าวคำกล่าวขอบคุณเป็นสิ่งที่ดี ต่อไปนี้ใน “ภาวการณ์ที่พวกเราจำต้องขอบคุณมาก” ย่อมมีสาเหตุมาจากพวกเราได้รับอะไรบางอย่างจากใครสักคน หรือสิ่งหนึ่ง ซึ่งแสดงว่าพวกเราเป็น “คนรับ” นั่นเอง.. ในทุกวัน แม้พวกเราอยู่กับใครกันแน่มากมายๆจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว[ สล็อต] หรือดำเนินงานร่วมกับคนใดกันเสมอๆแล้วจำต้อง “เป็นข้างขอบคุณมากเสมอ” นั่นถือว่าพวกเราเป็นคนรับจากเขามากยิ่งกว่า เขาจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเรามากยิ่งกว่า…
“หากบอกลอยๆขึ้นมาว่า “พวกเราควรจะขอบคุณมากให้น้อย..” อาจจะบางทีอาจสงสัยว่า แท้จริงจำต้องควรจะขอบคุณมากให้มากมายๆไม่ใช่หรอ? และก็กับประโยคที่ว่า “ยกโทษมากยิ่งกว่า” เป็นอะไร ยกโทษเรื่องเดียวยังยากเลย มันก็ชักชวนให้อ่านแล้วสงสัย เพราะว่าส่วนหนึ่งส่วนใดมันคือเรื่องของภาษา ที่เจตนาเขียนให้คิดไปต่างๆกัน เนื้อหานี้มีสาเหตุมาจากแง่คิดหนึ่ง ที่คิดได้สำหรับการตระเตรียมรายละเอียดเพื่อใช้ชี้แจง (อีกแล้ว) หลักสูตรอบรมหัวหน้างาน ที่ในหลายๆหลักสูตรของผมจะเป็น Soft skills อันคือความสามารถที่จำนวนมากสามารถใช้ได้ทั่วๆไปในชีวิตประจำวันด้วย ต่อนี้ไปยิ่งเกิดเรื่องใกล้ตัวมากแค่ไหน เสมือนจะกล่าวง่าย[ เครดิตฟรี] แต่ว่ามันไม่ง่ายเลยที่มนุษย์เราจะใส่ใจทราบ รวมทั้งเอาไปปฏิบัติ ต้องขอบคุณมากให้น้อยการขอบคุณมากไม่ว่าจะรู้สึกขอบคุณมาก หรือเพียงแค่กล่าวคำกล่าวขอบคุณเป็นสิ่งที่ดี ต่อไปนี้ใน “ภาวการณ์ที่พวกเราจำต้องขอบคุณมาก” ย่อมมีสาเหตุมาจากพวกเราได้รับอะไรบางอย่างจากใครสักคน หรือสิ่งหนึ่ง ซึ่งแสดงว่าพวกเราเป็น “คนรับ” นั่นเอง.. ในทุกวัน แม้พวกเราอยู่กับใครกันแน่มากมายๆจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว หรือดำเนินงานร่วมกับคนใดกันเสมอๆ[ สล็อต]แล้วจำต้อง “เป็นข้างขอบคุณมากเสมอ” นั่นถือว่าพวกเราเป็นคนรับจากเขามากยิ่งกว่า เขาจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเรามากยิ่งกว่า…
“หากบอกลอยๆขึ้นมาว่า “พวกเราควรจะขอบคุณมากให้น้อย..” อาจจะบางทีอาจสงสัยว่า แท้จริงจำต้องควรจะขอบคุณมากให้มากมายๆไม่ใช่หรอ? และก็กับประโยคที่ว่า “ยกโทษมากยิ่งกว่า” เป็นอะไร ยกโทษเรื่องเดียวยังยากเลย มันก็ชักชวนให้อ่านแล้วสงสัย เพราะว่าส่วนหนึ่งส่วนใดมันคือเรื่องของภาษา ที่เจตนาเขียนให้คิดไปต่างๆกัน เนื้อหานี้มีสาเหตุมาจากแง่คิดหนึ่ง [ เครดิตฟรี]ที่คิดได้สำหรับการตระเตรียมรายละเอียดเพื่อใช้ชี้แจง (อีกแล้ว) หลักสูตรอบรมหัวหน้างาน ที่ในหลายๆหลักสูตรของผมจะเป็น Soft skills อันคือความสามารถที่จำนวนมากสามารถใช้ได้ทั่วๆไปในชีวิตประจำวันด้วย ต่อนี้ไปยิ่งเกิดเรื่องใกล้ตัวมากแค่ไหน เสมือนจะกล่าวง่าย แต่ว่ามันไม่ง่ายเลยที่มนุษย์เราจะใส่ใจทราบ รวมทั้งเอาไปปฏิบัติ ต้องขอบคุณมากให้น้อยการขอบคุณมากไม่ว่าจะรู้สึกขอบคุณมาก หรือเพียงแค่กล่าวคำกล่าวขอบคุณเป็นสิ่งที่ดี ต่อไปนี้ใน “ภาวการณ์ที่พวกเราจำต้องขอบคุณมาก” ย่อมมีสาเหตุมาจากพวกเราได้รับอะไรบางอย่างจากใครสักคน หรือสิ่งหนึ่ง ซึ่งแสดงว่าพวกเราเป็น “คนรับ” นั่นเอง.. ในทุกวัน แม้พวกเราอยู่กับใครกันแน่มากมายๆจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว หรือดำเนินงานร่วมกับคนใดกันเสมอๆแล้วจำต้อง “เป็นข้างขอบคุณมากเสมอ” นั่นถือว่าพวกเราเป็นคนรับจากเขามากยิ่งกว่า เขาจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเรามากยิ่งกว่า เกินเลยไปถึงว่าพวกเราบางทีอาจทำอะไรได้ไม่ค่อยดีประจำเขาจะต้องช่วยประจำ…
ความ “ประมาท” เป็นการไม่ระวังเนื้อระวังตัว แต่ว่าถ้าระวังไปเสียหมดทุกเรื่อง บางทีอาจเรียกว่าเป็น “ประสาท” ได้ แล้วมากแค่ไหนควรจะพอดิบพอดี? ทัศนคติต่อหัวข้อนี้ส่งผลกับชีวิตพวกเราพอเหมาะพอควร ผู้ที่ไม่ประมาท ชีวิตย่อมอยู่บนเบื้องต้นความสบาย แม้กระนั้นผู้ที่กำลังประสาท ก็ยากจะแฮปปี้ คำว่า “ดูแลตัว” กับ “ประมาท” สองคำนี้ตรงกันข้ามกัน[ เครดิตฟรี] แบ่งได้อย่างง่ายๆ แม้กระนั้นความ “ไม่ประมาท” กับ “ดูแลตัวเยอะเกินไป” (จนกระทั่งประสาท) นี่มันฝั่งเดียวกัน แม้กระนั้นมันแตกต่างกัน เนื่องจากอันหนึ่งดูเหมือนเกินเลยพอดิบพอดีไป รวมทั้งเป็นได้ที่ใครอีกหลายๆคนไม่รู้สึกตัว ตอนวัววิดแรกๆทุกคนตื่นตระหนกสงสัยตนเองมากมายกระทั่งเริ่มราวกับเป็นประสาท (อันหมายความว่าตื่นตระหนกเกินเหตุ) กระทั่งมีคำบอกเล่าเล่นๆแม้กระนั้นคิดขมักเขม้นกันว่า “นี่ฉันติดหรือยัง?” ก้องอยู่ในหัวคนจำนวนไม่น้อยไปพักหนึ่ง ซึ่งบางโอกาสก็ดูได้เช่นเดียวกันว่า นี่แหละไม่ประมาท ด้วยเหตุว่าพวกเรามานะรักษาตัวยังไง… วัววิดบางทีอาจเป็นกรณีพิเศษจากสภาพแวดล้อมสังคมโลกที่ร้ายแรง (ใครๆก็บีบคั้น) แม้กระนั้นในชีวิตประจำวัน…
“เนื้อหานี้ในหมวดความรัก คู่ชีวิต ไม่ใช่บทความธรรมะ หรือจะกล่าวในทางศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ก็แค่มีมุมที่ “ศีล” และก็ “ทาน” นี้ อาจจะส่งผลให้ชีวิตแต่งงาน-ชีวิตรักไปได้สวย รวมทั้งพูดถึงแบบที่ไม่เกี่ยวอะไรกับบุญ บาป หรือความดีความชอบ แต่ว่าเป็นลักษณะความข้องเกี่ยวของคู่ที่มี ศีลเสมอ ทานเสมอ.. พวกเราบางทีอาจเคยได้ฟังคำว่า “ศีลเท่ากัน” แต่ว่าด้วยเหตุใดไม่รู้จักผมกลับเคยชินกับคำว่า “ศีลเสมอ ทานเสมอ” มากยิ่งกว่า (เคยได้ฟังกันไหมขอรับ วานบอก) ซึ่งความหมายก็เป็นไปในทางเดียวกัน… แล้วคำว่า ศีล กับ ทาน นี้เกี่ยวอะไรกับความรัก? เริ่มด้วย “ศีล” ในที่นี้หมายความง่ายๆว่า[ เครดิตฟรี] การกระทำตน เฉพาะหน่อยนึงก็คือ การกระทำอันเป็นธรรมดาประจำด้วย เนื่องจากนานๆทำทีก็อาจจะไม่ใช่ ดังเช่น ธรรมดาเป็นคนพูดจาไม่สุภาพ…