เด็กเล็กในวัยทารกไปจนถึงวัยขวบปี ไม่สามารถที่จะบอกถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้ แต่จะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าคุณพ่อและคุณแม่ต้องการรู้ว่าลูกน้อยของคุณเกิดอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบายอย่างไร คุณควรหมั่นสังเกตทั้ง 5 อาการนี้ของลูกน้อยเพื่อที่จะได้รักษาอย่างทันเวลา ดังนี้ slotxo 1.อาการซึมเด็กเล็กมักจะร่าเริงสดใสและเล่นตลอดทั้งวัน ดังนั้นถ้าเมื่อใดที่ลูกของคุณเกิดมีอาการซึมผิดปกติ ไม่เล่น ไม่ค่อยตอบสนอง และนอนตลอดทั้งวัน ให้คุณดูว่าตัวร้อนหรือไม่และลองใช้ตัววัดอุณหภูมิ เพราะอาการซึมอาจเกิดจากการเป็นไข้หรือเกิดจากปัญหาเรื่องท้องเสียได้ 2.มีอาการไอเมื่อใดที่คุณได้ยินเสียงลูกไอและเป็นไอแบบมีเสมหะภายในลำคอ ให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพแน่นอนและอาจจะกลายเป็นอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้อาการไอยังหมายถึงการมีเศษอาหารหรือเศษของเล่นติดคอได้ เพราะเด็กในวัยนี้ชอบจับทุกสิ่งรอบตัวเข้าปาก ดังนั้นจึงควรรักษาด้วยการพาลูกพบแพทย์ทันที xoslot 3.ทานได้น้อยกว่าปกติการทานอาหารถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ดังนั้นถ้าลูกของคุณทานอาหารหรือดื่มนมได้น้อยลงกว่าปกติ ทั้งยังน้อยลงไปเรื่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกของคุณกำลังป่วยและอาจจะมีปัญหาต่อระบบย่อยอาหารได้ ดังนั้นจึงควรให้ลูกน้อยของคุณดื่มน้ำให้มากเพื่อป้องกันสภาวะขาดน้ำ 4.หายใจผิดปกติอีกหนึ่งวิธีจับสังเกตว่าลูกน้อยของคุณมีปัญหาสุขภาพหรือไม่ คือ เรื่องของเสียงลมหายใจ เพราะหลอดลมของเด็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นทางเดินหายใจยังคงไม่แข็งแรง จึงก่อให้เกิดปัญหาเรื่องของการขัดขวางทางเดินลมหายใจของต่อมอะดีนอยด์ จึงทำให้เกิดเป็นเสียงและถ้าลูกคุณมีเสียงกรนด้วยแล้วยิ่งไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป เครดิตฟรี 5.งอแงหนักหนึ่งในอาการที่สังเกตง่ายมากที่สุด คือ เมื่อเด็กอยู่ในภาวะเจ็บป่วยจะมีอาการงอแงหนัก โดยจะร้องไห้แบบไร้สาเหตุบ่อยครั้งและอาจจะติดคุณแม่มากผิดปกติ…
Category: เรื่องราวเกี่ยวกับแม่และเด็ก
เด็กทารกเป็นวัยที่ต้องการการพัฒนา และเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเพื่อให้มีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายจิตใจ เรื่องที่สำคัญของเด็กทารกทุกคนก็คือ การนอน โดยการนอนของเด็กในวัยนี้ไม่ใช่ว่าจะให้นอนท่าไหน นอนที่นอนแบบไหนก็ได้ เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับเด็กได้ ดังนั้น สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนจะต้องรู้เกี่ยวกับการนอนของเด็กก็มีดังนี้ slotxo 1.ท่านอนของเด็กการนอนผิดท่าอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่สะดวก เช่น เด็กที่นอนคว่ำหน้า ก่อนที่จะให้เด็กนอน พ่อแม่ควรเช็คว่าเด็กนอนถูกท่าหรือไม่ เพราะท่านอนที่เหมาะสมกับเด็กทารกคือ การนอนหงาย ดังนั้น พ่อแม่จึงควรหมั่นหันมาดูลูกอยู่บ่อยๆ ว่าเด็กนอนพลิกตัวไปผิดท่าหรือไม่ เพื่อไม่ให้เด็กได้รับอันตราย 2.เวลานอนของเด็กพ่อแม่ควรพยายามทำให้เด็กนอนให้เป็นเวลาให้ได้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวคุณพ่อคุณแม่เองด้วยเมื่อเด็กมีอายุมากขึ้น เด็กก็จะรู้เวลานอนของตัวเอง โดยไม่ต้องมาคอยบังคับให้เข้านอน xoslot 3.ที่นอนของเด็กเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย โดยที่นอนของเด็กทารกจะต้องมีอุปกรณ์เครื่องนอนครบถ้วน เช่น เบาะรองนอน ผ้าห่ม หมอน และมุ้งครอบกันยุงกันแมลง อีกทั้งชุดเครื่องนอนของเด็กจะต้องสะอาดอยู่ตลอดเวลา ถ้าเด็กมีการฉี่รดที่นอน ก็ควรรีบเปลี่ยนทันที เพื่อให้เด็กนอนหลับสบาย ป้องกันการระคายเคืองกับผิวของเด็ก นอกจากนี้ เวลาซื้อที่นอน…
ปอดบวมในเด็ก เป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก เพราะเด็กเล็กยังไม่สามารถต้านทานสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ทัน จึงอาจทำให้เป็นโรคปอดบวมได้ง่าย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกับโรคนี้กันดีกว่า เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันลูกน้อยจากโรคปอดบวมนั่นเอง slotxo อาการของโรคปอดบวม เมื่อลูกน้อยมีไข้ คุณพ่อ คุณแม่ต้องสังเกตว่าลูกมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ได้แก่ อาการปวดเมื่อยตัว ไอจนหอบ หนาวสั่น ปวดหัว เบื่ออาหาร หายใจลำบาก เวลาหายใจหน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ปากเขียว และหายใจเร็วถี่ ซึ่งเป็นอาการของโรคปอดบวม ดังนั้นควรพาลูกไปหาหมอในทันที โดยแพทย์จะวินิจฉัยตามประวัติการรักษา หากฟังเสียงปอดแล้วเสียงเบา เคาะแล้วมีเสียงทึบกว่าอีกข้างหนึ่ง ก็แสดงว่าลูกเป็นโรคปอดบวมแน่นอน วิธีการรักษา วิธีการรักษาโรคปอดบวม จะแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักๆ ได้แก่ 1.การรักษาทั่วไป คือเมื่อเด็กมีอาการข้างต้น จะมีการให้สารน้ำอย่างเพียงพอ แต่หากมีเสียงวี๊ดร่วมด้วยแพทย์จะให้ยาขยายหลอดลมร่วมด้วย แต่ถ้าค่าออกซิเจนต่ำ…
ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์คือช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM) จึงมีความสำคัญ เพื่อการดูแลแบบเชิงลึก ให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรงและทารกในครรภ์ลืมตาดูโลกอย่างราบรื่น พร้อมจะเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต slotxo นายแพทย์ร่มไทร เลิศเพียรพิทยกุล สูติ – นรีเวช ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า วิธีการดูแลแม่ตั้งครรภ์แบบ Maternal Fetal Medicine (MFM) คือ การดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โดยมีการต่อยอดหลังจากจบการฝึกอบรมสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา เป็นการดูแลมารดาตั้งครรภ์และทารกในครรภ์แบบเชิงลึก เพื่อตรวจหาความเสี่ยง อัลตราซาวนด์ดูความสมบูรณ์ของทารก ประเมินการรักษา ป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่และเจ้าตัวน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง หน้าที่หลักของแพทย์ด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ Maternal Fetal Medicine(MFM) ได้แก่ 1.การดูแลให้คำปรึกษาตั้งแต่เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างฝากครรภ์ ช่วงเวลาคลอด และหลังคลอด…
หนึ่งในปัญหาโลกแตกของคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ คือ การใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์แล้วแต่กลับต้องเจอขีดจางที่ทำให้รู้สึกสงสัยว่า “ตกลงท้องหรือไม่” โดยที่ตรวจตั้งครรภ์นั้นจะมีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่จะมีเหมือนกันคือขีดเข้ม 1 เข้ม เมื่อเกิดการตรวจปัสสาวะแล้วพบว่าตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ขีดข้างกัน แต่ขีดที่ 2 นี่เองที่ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับคุณแม่หลายท่าน เพราะแทนที่จะขึ้นมาเป็นขีดเข้มปกติเพื่อให้มั่นใจได้ว่า “ท้องแน่นอน” แต่กลับกลายเป็นขีดที่จางไปจนถึงจางมาก ดังนั้นลองมาดูกันว่าขีดจางนี้หมายถึงอะไรและเกิดจากสาเหตุใดบ้าง slotxo 1.ตั้งครรภ์แต่ฮอร์โมนต่ำ ถ้าคุณใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์แล้วพบว่ามีอีก 1 ขีดออกเป็นสีจาง ให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แต่ที่เป็นขีดจาง เพราะคุณอาจจะอยู่ในช่วงสภาวะฮอร์โมนต่ำ จึงทำให้ฮอร์โมนที่ออกมามีน้อย นอกจากนี้การตรวจผ่านปัสสาวะยังเป็น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฮอร์โมนออกมาน้อยลง แต่ถ้าคุณต้องการให้ได้ผลที่ชัดเจนและแม่นยำควรเลือกตรวจในช่วงเช้าที่ถือว่าเป็นช่วงเวลาฮอร์โมนตั้งครรภ์เข้มข้นที่สุดและไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไปก่อนการใช้ที่ตรวจ เพราะน้ำจะเข้าไปเจือจางฮอร์โมนและทำให้เกิดปัญหาขีดจางได้เช่นกัน 2.ใช้ฮอร์โมนเสริมบางชนิด xoslot การใช้ฮอร์โมนเสริมบางชนิดก็ก่อให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ฮอร์โมน HCG เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตกไข่ เป็นฮอร์โมนสำหรับผู้ที่มีลูกยาก เมื่อใช้ฮอร์โมนนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานคุณอาจจะพบปัญหาใช้ที่ตรวจตั้งครรภ์แล้วเกิดขีดจางได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณอาจจะยังไม่ได้ตั้งครรภ์แต่เป็นผลมาจากฮอร์โมนเสริม…
หนึ่งในอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์ที่คุณไม่ควรมองข้าม คือ เรื่องเลือดออกในขณะตั้งครรภ์ เพราะอาจหมายถึงการสูญเสียลูกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นถ้าคุณเป็นคุณแม่มือใหม่ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องเลือดออกในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ ลองมาดูสาเหตุดังต่อไปนี้ slotxo 1.ภาวะช่องคลอดติดเชื้อสาเหตุแรกคือคุณอาจเกิดปัญหาเรื่องช่องคลอดติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อราที่ผู้หญิงมันเป็นกันมาก เริ่มแรกของอาการจะเป็นการตกขาวทั่วไป ถ้าช่องคลอดชื้นมากก็อาจทำให้เกิดเป็นแผลอักเสบและกลายเป็นมีเลือดออกในช่องคลอด แต่จะออกเป็นเพียงแค่เลือดจางๆ มาพร้อมอาการคัน ดังนั้นถ้าเจอปัญหานี้ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อลูกในครรภ์ 2.ภาวะเสี่ยงแท้งช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนจะยังฝังตัวได้ไม่ดีพอและความแข็งแรงยังมีน้อย จึงอาจเสี่ยงต่อภาวะแท้งได้ง่ายที่สุด ซึ่งเลือดที่ออกนี้จะมาพร้อมอาการปวดเกร็งที่จะทวีคูณความปวดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะอยู่ตรงช่วงบริเวณท้องน้อย ถ้าคุณพบอาการนี้ร่วมกับมีเลือดออกให้รีบเข้ารับการรักษาทันที xoslot 3.ภาวะตัวอ่อนฝังตัวในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนจะเข้าฝังตัวภายในโพรงมดลูก จึงทำให้เส้นเลือดฝอยในบริเวณนั้นเกิดฉีกขาด จึงทำให้เลือดไหลออกมาได้เช่นกัน แต่จะมาแบบเลือดจางๆ ไม่เข้มและมาทีละน้อย โดยไม่มีอาการปวดท้องใดๆ ร่วมด้วย 4.ภาวะรกต่ำภาวะนี้ถือมีความน่ากลัวมาก โดยจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้คลอด การมีเลือดออกในช่วงเวลานี้จะเป็นการเตือนให้รู้ว่าคุณกำลังประสบปัญหารกเกาะต่ำ เพราะรกจะอยู่ใกล้กับปากมดลูกมากเกินไป จึงทำให้เกิดการเบียดตัวและทำให้เลือดไหล…
เลือดกำเดาไหล เป็นเรื่องที่เกิดเส้นเลือดฝอยภายในจมูกของเราแตก ทำให้มีเลือดไหลออกมา ในช่วงตั้งครรภ์ก็สามารถเกิดเลือดกำเดาไหลได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณแม่มือไปไปดูว่า จริงๆ แล้ว เลือดกำเดาไหล ขณะตั้งครรภ์ นั้นอันตรายรึเปล่า แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ป้องกันได้ด้วยวิธีใดบ้าง สาเหตุอะไรที่ทำให้ เลือดกำเดาไหล ขณะตั้งครรภ์ slotxo การตั้งครรภ์ ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดในจมูกขยายตัวได้ และปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นจะไปช่วยเพิ่มแรงกด แรงดันต่อหลอดเลือด ซึ่งเป็นส่วนที่มีความบอบบางเหล่านั้นทำให้เส้นเลือดแตกได้ง่าย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาที่เลือดกำเดาไหล ขณะตั้งครรภ์ การที่มีเลือดกำเดาไหลออกมาเพียงเล็กน้อย เป็นครั้งคราว แล้วอีกสักพักก็หยุดไหลถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่อันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งแพทย์หลายๆ ท่านบอกว่าการที่เลือดกำเดาไหลในช่วงที่ตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอันตรายใดๆ ต่อแม่และทารกในครรภ์ และคุณแม่จะมีแนวโน้มที่เลือดกำเดาจะไหลเมื่อเป็นหวัด เป็นไซนัส ติดเชื้อ เป็นภูมิแพ้ หรือว่ามีเยื่อบุในจมูกแห้ง หากที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมแห้งก็เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เลือดกำเดาไหลได้…
คุณแม่รู้ไหมการกอดลูกบ่อยๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย และสัมผัสได้ถึงความรักของแม่เท่านั้น แต่ยังมีผลดีอีกมากมายเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลดีอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลย 1.ให้ความอบอุ่นกับลูก slotxo การกอดจะช่วยให้ความอบอุ่นกับลูกน้อยได้ โดยเฉพาะหลังคลอดที่คุณหมอจะนำลูกน้อยที่พึ่งคลอดมาให้คุณแม่กอด นั่นก็เพื่อทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยนั่นเอง ทั้งนี้ต้องบอกเลยว่าอ้อมกอดของแม่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดสำหรับลูกน้อยแล้ว 2.ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เมื่อเปรียบเทียบจากในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กที่ไม่เคยได้รับการกอดจากพ่อแม่เลย กับเด็กที่พ่อแม่กอดเป็นประจำ จะพบว่าเด็กที่ได้รับการกอดจะมีพัฒนาการที่ดีมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในด้านของสติปัญญาหรือร่างกายก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี ก็ต้องกอดลูกน้อยบ่อยๆ กันเลย xoslot 3.เป็นการลงโทษเชิงบวก ในยามที่ลูกงอแง ดีดดิ้นไม่ฟังเหตุผล หากเป็นเด็กเล็ก การกอดรัดลูกไว้เพื่อคลายอารมณ์ดังกล่าวย่อมไม่ผิดแปลก แต่รู้หรือไม่ว่าในเด็กที่โต ราวๆ 7-8 ขวบขึ้นไป ก็สามารถใช้วิธีการกอดเป็นการลงโทษได้เหมือนกัน ซึ่งการลงโทษแบบนี้พร้อมกับพูดสอนให้ลูกเข้าใจ จะได้ผลดีมากกว่าการใช้ความรุนแรงกับลูกนั่นเอง 4.ทำให้ลูกรู้ถึงความสำคัญของตัวเอง เครดิตฟรี การที่คุณแม่กอดลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกรู้ถึงความสำคัญของตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ลูกงอแงและคิดว่าไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อได้อ้อมกอดจากพ่อแม่ เขาจะรู้สึกขึ้นมาในทันทีว่าเขามีความสำคัญต่อพ่อแม่มากแค่ไหน…
ช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ คุณแม่หลายท่านอาจจะประสบกับปัญหาโรคที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ หรือที่เรียกกันว่าโรคแทรกซ้อน เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงเร็วและระบบภายในต้องรองรับอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ภายในครรภ์ จึงทำให้คุณแม่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งโรคเหล่านี้ไม่ได้มากวนใจแค่เฉพาะช่วงการตั้งครรภ์เท่านั้น แต่อาจส่งผลกระทบในช่วงหลังคลอด พร้อมส่งผลเสียยาวนานหรืออาจจะกลับมาเป็นอีกครั้งถ้ามีการตั้งครรภ์ใหม่ ดังนั้นลองมาดู 4 โรคที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้ slotxo 1.ครรภ์เป็นพิษ ปัญหาเรื่องครรภ์เป็นพิษจะเกิดขึ้นกับท้องสาวหรือคุณแม่ท้องแรก โดยมักจะเกิดกับคุณแม่ที่มีอายุน้อยเกินไปหรือมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งภาวะครรภ์เป็นพิษนั้นส่งผลกระทบต่อเด็กค่อนข้างมาก และอาจจะทำให้ทั้งคุณแม่กับลูกเสียชีวิตได้ ทั้งยังส่งผลเรื่องสุขภาพหลังคลอด ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคหัวใจและมีภาวะช็อกแบบเฉียบพลันได้มากกว่าคนปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้น จึงควรตรวจสอบสุขภาพของตัวเองทุกปีและเข้าพบแพทย์เมื่อเกิดปัญหาผิดปกติที่เกี่ยวกับหัวใจและปัญหาสุขภาพในด้านอื่นๆ อยู่เสมอ 2.การเจริญเติบโตช้า xoslot สำหรับคุณแม่ที่ประสบปัญหาเรื่องภาวะบุตรในครรภ์เติบโตช้าผิดปกติ นอกจากการคลอดที่จะทำให้เด็กออกมาตัวเล็ก และเสี่ยงต่อพัฒนาการช้าไปจนถึงการเสียชีวิตได้แล้ว ยังส่งผลหลังการคลอดที่จะทำให้คุณแม่เกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งโรคระหว่างการตั้งครรภ์ที่น่ากลัวเลยทีเดียว 3.เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะเสี่ยงต่อภาวะต้านอินซูลิน จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาน้ำตาลในเลือดสูงและกลายเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ได้มากที่สุด ซึ่งโรคเบาหวานนี้จะส่งผลเรื้อรังหลังคลอดได้ง่าย เพราะแม้ว่าหลังคลอดแล้วระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่จะลดลง แต่กลับมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2…
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายจะต้องเจอกับปัญหาลูกร้องไห้จ้า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้อง ซึ่งก็ทำให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าลูกร้องไห้เพราะอะไรกันแน่ ดังนั้นวันนี้เราจึงนำ 6 วิธีสุดเจ๋ง ช่วยปลอบให้ลูกน้อยหยุดร้องเร็วขึ้นมาแนะนำให้ลองทำกันดู ไปดูกันเลยว่ามีวิธีใดบ้าง slotxo 1.การห่อผ้าเด็กทารกแรกคลอดมักจะรู้สึกแปลกๆ และไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่นอกครรภ์ของมารดา ทำให้พวกเขาร้องไห้บ่อย ดังนั้นการห่อผ้าก็เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นมากขึ้น ดังนั้นลองห่อตัวลูกน้อยด้วยผ้าห่อตัวกันดู แล้วเขาจะค่อยๆ หยุดร้องอย่างแน่นอน 2.เบี่ยงเบนความสนใจของลูกการเบี่ยงเบนความสนใจของลูก ก็อาจทำให้เขาหยุดร้องได้ โดยให้คุณพ่อคุณแม่ลองทำเสียงดัง อย่างเช่น ตบมือ ทำเสียงจ๊ะเอ๋กับลูก หรือเปิดเพลงดังสักหน่อย โดยเลือกดนตรีประเภทร็อคแอนด์โรล ก็จะทำให้ลูกน้อยเกิดความสนใจและหยุดร้องในที่สุด xoslot 3.เปลี่ยนคนอุ้มด้วยความที่ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่ที่เลี้ยงลูก อ้อมกอดของคุณแม่อาจไม่พอ ลองเปลี่ยนให้คุณพ่อมาอุ้มพร้อมส่งเสียงกล่อมลูกน้อยดู เมื่อเขารับรู้ถึงอ้อมกอดของคุณพ่อก็อาจจะทำให้เขาหยุดร้องได้ง่ายขึ้นเช่นกัน 4.พาเปลี่ยนบรรยากาศเวลาเลี้ยงลูกเรามักจะเลี้ยงในห้องเดิมๆ หรือบรรยากาศเดิมๆ ดังนั้นหากลูกร้องไห้งอแง ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง เพราะเขาอาจกำลังรู้สึกเบื่อนั่นเอง โดยอาจจะพาไปเดินเล่นในสวนหลังบ้าน หรือถ้ามีสวนสาธารณะใกล้ๆ บ้าน ก็พาลูกน้อยไปสูดอากาศบริสุทธิ์จากสวนกันดู…